THE TOP 5 JDM Cars of all time.


    •  THE TOP 5 JDM Cars of all time.

    1.Lancer Evolution Vll (7)


หลังจากที่มีการปรับโฉม แลนเซอร์จากรุ่นก่อนหน้า คือ Lancer Cedia ส่งผลให้การพัฒนาต่อมาในรุ่น Evolution VII ที่มีความโดดเด่นและประสบความสำเร็จอย่างมากจากลูกค้า ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาเทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์ ฝาครอบกระเดื่องวาล์ว เพลาลูกเบี้ยว และท่อไอเสียสแตนเลส นอกจากนี้ Lancer Evolution VII ยังได้เพิ่มแรงบิดสูงสุด 39.0 กิโลกรัม - เมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที

    พร้อม Active Center Differential (ACD) ที่ทำงานร่วมกับ Active Yaw Control (AYC) ผลคือ Lancer Evolution VII มีอัตราเร่งที่ดีขึ้น แรงฉุดลากที่ดีขึ้น และการตอบสนองของพวงมาลัยที่ดีขึ้นอีกด้วย เสริมความสปอร์ตด้วยเบาะ Recaro พร้อมพวงมาลัย Momo 


  • 2.Toyota supra mk 4




    Toyota Supra เวอร์ชั่น JDM เริ่มต้นด้วยตัวมาตรฐานอย่างรุ่น SZ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ส่วนอัตราเร่งทางโตโยต้าเคลมว่าจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาใน 6.5 วินาที

    ถัดมาอีกหนึ่งรุ่นที่ยังคงใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ โดย Toyota Supra รุ่น SZ-R มาพร้อมกำลัง 258 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.2 วินาที

  • 3.Mazda Rx7 (FD)


  • Mazda RX-7 คือ 1 ใน สายพันธุ์รถ Sport ที่มีประวัติมายาวนานมาก ของ Mazda สายการผลิตรถ RX-7 นั้น
    ถือได้ว่าเป็นสายการผลิตที่ยาวนานมากอย่างหนึ่งในวงการรถ ญี่ปุ่นด้วยระยะเวลา 24 ปี ตั้งแต่ 1978-2002
    RX-7 ตัวดั้งเดิมนั้นถูกจัดวางขุมกำลังด้วยเครื่องยนต์ โรตารี่ประเภท โรเตอร์คู่ จึงเหมือนเป็นสายพันธุ์รถที่มาแทน
    Mazda RX-3 รุ่นพี่โดยตรง รวมถึงรถอื่นของ Mazda ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์โรตารี่ด้วยกัน (ยกเว้น Cosmo )
    นอกจากขุมกำลังของ เครื่องโรเตอร์อันโด่งดังในสมัยนั้นแล้ว เซเว่น ( ขออนุญาตเรียกแบบนี้นะครับ) ถูกออกแบบ
    มาเป็นรถคูเป้ ขนาดเบาที่ วางเครื่อง เยื้องมาหลังเพลาของล้อหน้าเล็กน้อยซึ่ง Mazda ต้องการให้เป็นลักษณะนั้น
    เพื่อต้องการเจาะตลาดรถใน America ที่รถรูปแบบดังกล่าวยังไม่ได้แพร่หลาย ( American Muscle ยังแรงอยู่ )
    นอกเหนือจากนี้ ยังสามารถสั่งวางที่นั่งพิเศษด้านหลังได้ ( ปกติไม่ค่อยทำกันนะครับ )

    ประวัติ SA22
    RX-7 รุ่นแรกเปิดตัวด้วย รหัส SA22C / FB ชื่อเล่น Savanna RX-7
    เครื่องยนต์ที่ใช้มี 12A กับ 13B-RESI มีกำลัง 100 แรงม้า กับ 125 แรงม้า
    ตามลำดับอัตราเร่งถือได้ว่าเยี่ยมมากในสมัยนั้น คือ 0-80 กม./ ชม. ได้ภายใน 6.3 วินาที
    สิ่งที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างคือการ Design ที่มีจุดศุนย์ถ่วงมาอยู่ตรงกลาง ทำให้การกระจายน้ำหนักเป็น 50/50
    ด้านหน้าหนัก 50% ด้านหลังหนัก50% ทำให้ตัวรถไม่เกิดอาการสะบัด ดื้อโค้งขณะเข้าโค้ง
    และถ้าเทียบกันแล้ว RX-7 รุ่นแรกนี้มีน้ำหนักที่เบาที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นคือประมาณ 1180 กก.
    ทำให้ตัวรถไม่ต้องการกำลังที่สูงมากในการขับขี่ อย่างไรก็ตามหากใครต้องการแรงหน่อยในสมัยนั้น เครื่อง 13B
    ก็สามารถติดเทอร์โบเข้าไปได้ (แต่ยังไม่มี Intercool นะ) ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้ เซเว่นครองใจ
    ชาวมะกันไปได้อย่างไม่ยากเย็นด้วย ยอดขาย 377,878 คันในอเมริกาจากทั้งหมดทั่วโลก 474,565 คัน


  • 4.Honda Nsx

  • รถสปอร์ตขุมพลังไฮบริด V6 3.5 ลิตร  600 แรงม้า


  • หากใครเป็นแฟนๆของ Honda แบรนด์จากประเทศญี่ปุ้นนั้นคงจะรู้จักกันดีสำหรับรถแบบ NSX ในโฉมประเทศญี่ปุ่น และล่าสุดก็มีรถแบบนี้ในโฉมแต่งแบบ JDM สุดดังที่เปิดตัวในการหาเจ้าของออกมาแล้ว

    รถแบบ Honda NSX โฉมแต่งแบบ JDM สุดญี่ปุ่นคันนี้นั้นมาพร้อมกับสไตล์การแต่งที่แตกต่างและสวยงามมากในช่วงยุคปี 1991 โดยมันถูกขายในบ้านเกิดที่ประเทศญี่ปุ่นและในประเทศสหรัฐอเมริกาบางส่วน

    พวงมาลัยในการขับขี่ของรถแบบ Honda NSX โฉมแบบ JDM คันนี้นั้นจะมาในโฉมพวงมาลัยขวา (เอเชีย) พร้อมเกียร์แบบกระปุก 6 สปีด, ท่อไอเสียแบบสปอร์ตเต็มรูปแบบ, ชุดแต่งแบบสปอร์ตในยุคนั้น และปิดท้ายด้วยเบาะซิ่งจากทาง Recaro

    รถมือสองในรุ่นแบบ Honda NSX โฉมแต่งแบบ JDM คันนี้นั้นจะมาพร้อมกับการขายบน eBay เวปไซต์ชื่อดัง โดยปัจจุบันนั้นราคาขายอยู่ที่ 30,300 ดอลล่าร์สหรัฐเข้าไปแล้ว


  • 5.Nissan Skyline GT-R R34

  • ในเดือนตุลาคม 2020 เราเคยรายงานเรื่อง Nissan Skyline GT-R R34 ปิดประมูลที่ญี่ปุ่นด้วยราคา 33 ล้านเยน (ราว 9.7 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นราคาสูงที่สุดสำหรับการเปลี่ยนมือ R34 เท่าที่มีการเปิดเผย แต่ตอนนี้อาจมี Godzilla อีกคันที่จะมาทุบสถิติดังกล่าวกับ Nissan Skyline GT-R V-SPEC II Nür รหัส BNR34 คันสีขาวในภาพ มาพร้อมกับราคาเปิดประมูล 50 ล้านเยน (ราว 14 ล้านบาท)

    Nissan Skyline GT-R V-SPEC II Nür เป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพียง 718 คัน และ 159 คันในนั้นเป็นสีขาว ใช้ขุมพลังรหัส RB26DETT แบบ N1 racing version เปลี่ยนไส้ในใหม่หมดทั้งแคมชาฟท์, ท่อน้ำมัน, ท่อน้ำหล่อเย็น, ลูกสูบ และ เทอร์โบ ให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งกว่า ส่วนคันในภาพเป็นรุ่นปี 2002 ไม่เคยผ่านการจดทะเบียนมาก่อน และ ผ่านการใช้งานไปเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น

    นี่จึงเป็นสาเหตุให้แค่ราคาเปิดประมูลคันนี้ ทะลุราคาปิดประมูลของ R34 คันอื่นไปแล้ว ส่วนการประมูลมีขึ้นผ่าน yahoo ของประเทศญี่ปุ่น โดยเปิดประมูลวันที่ 5 กรกฎาคม 2021 และ ปิดประมูลในวันที่ 11 กรกฎาคม 2021 เวลา 20.00 ซึ่งมีรายงานล่าสุดว่า ได้ปิดประมูลไปแล้วที่มูลค่า 60,501,000 เยน (ราว 17,923,000 บาท) หลังจากมีการบิตแข่งกันถึง 1,391 ครั้ง

  • ที่มา:car.watch.impresscarscoops


ความคิดเห็น